อเล็กซานเดอร์ อิซาค กองหน้าตัวความหวังใหม่ของทีม

เหมือนเก็บกดกับการหากองหน้าตัวเป้า หรือ ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ มาไม่ได้สักที แต่ทาง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยอดทีมเศรษฐีใหม่แห่ง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็จัดการหากองหน้ามาได้ทันท่วงทีก่อนตลาดรอบซัมเมอร์ ฤดูกาล 2022/23 จะปิดตัวลง นั่นก็คือ การได้ตัว อเล็กซานเดอร์ อิซาค กองหน้าทีมชาติสวีเดน วัย 23 ปี มาจากสโมสร เรอัล โซเซียดาด ทีมในศึก ลาลีกา สเปน มาได้สำเร็จ ด้วยค่าตัว 70 ล้านยูโร โดยมาดูกันว่าประวัติดาวยิงรุ่นใหม่ ความหวังใหม่ของทัพ “สาลิกาดง” มีเรื่องราวการค้าแข้งอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง วันนี้ทีมงาน Newcastlesoccer ได้เตรียมข้อมูลที่น่าสนใจ ทั้งประวัติการค้าแข้งที่ผ่านมา บทบาทการเล่น และ ดีกรีของหนุ่มดาวยิงรายนี้ มาฝากแฟนๆ แบบจัดเต็ม เพื่อให้แฟนบอลพันธุ์แท้ของทีม ได้ทราบถึงความเป็นมาและความเป็นไปของเขา ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงเบอร์หนึ่งคนปัจจุบัน ณ สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค

เรื่องราวของ อเล็กซานเดอร์ อิซาค กองหน้าตัวความหวังใหม่ของทีม

อเล็กซานเดอร์ อิซาค เกิดวันที่ 21 กันยายน ค.ส. 1999 เกิดที่เมือง โซลน่า ประเทศ สวีเดน โดยมีเชื้อสายอิริเทรียอีกด้วย เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ และมีรูปร่างที่ใหญ่โต

โดยเขาเป็นเยาวชนของสโมสร เอไอเค ในประเทศสวีเดน ไต่เต้าตามระดับชั้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ชุดเยาวชน ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี, ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี, ชุดอายุไม่เกิน 21 ปี และสามารถก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในปี 2016

โดยฤดูกาล 2015/16 เขาลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ ทั้งหมด25 นัด ยิงได้ 10 ประตูกับทำได้ 1 แอสซิสต์ ทำให้เขาได้รับความสนใจจากหลากหลายทีมทั่วยุโรป ที่สนใจดึงตัวเขาเข้าอคาเดมี่ ไปปลุกปั้น

ทำให้หลังจบฤดูกาลนั้น เข้าสู่ฤดูกาล 2016/17 เขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมจอมปั้นแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยราคา 8.6 ล้านยูโร

ซึ่งฤดูกาล 2016/17 ได้ลงสนามไปทั้งหมด 7 นัด ยิงได้ 2 ประตู ตามมาด้วยฤดูกาล 2017/18 เขาก็ได้ลงเล่นในทีมเยาวชน และ ทีมชุดใหญ่ ของ “เสือเหลือง” รวมทั้งหมด 13 นัด ยิง ได้ 2 ประตู กับทำได้ 1 แอสซิสต์

โดยได้ลงเล่นรายการ บุนเดสลีกา 6 นัด, ยูโรป้า ลีก 3 นัด, เดเอฟเบ โพคาล 3 นัด, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 นัด และ ยูฟ่า ยูธ ลีก 1 นัด ด้วยกัน

ส่วนฤดูกาล 2019 วันที่ 25 มกราคม เขาได้ย้ายไปอยู่กับ วิลเลม 2 ในศึกเอเรดิวิซี่ลีก ฮอลแลนด์ ได้ลงเล่นทั้งหมด 29 นัด ยิงไป 19 ประตูและทำได้ 9 แอสซิสต์ เรียกว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว

เขาเล่นได้ทั้งตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า และ ตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีก แม้จะมีส่วนสูงถึง 192 เซนติเมตร แต่ก็เป็นแข้งที่มีความเร็วเป็นอย่างมากนี่คือจุดแข็งของเขา และ มีความคมในการจบสกอร์ รวมถึงการจ่ายบอลและหาที่ว่างในการทำประตู ก็ทำได้ยอดเยี่ยม

น่าเสียดายที่เขาอยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สั้นไปหน่อย เขาติดสินใจย้ายไปอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด เพื่อโอกาสในการลงเล่นเป็นตัวจริง โดยย้ายไปในศึกลาลีกา สเปน ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร ในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ส. 2019

ฤดูกาล 2019/20 เขาเป็นตัวหลักกับทีมใหม่ได้ทันที่ ลงเล่นไปทั้งหมด 45 นัดทุกรายการ ยิงได้ 16 ประตู กับทำได้ 3 แอสซิสต์ ซึ่งสถิติการทำประตูถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2020/21 เขาก็ยังเป็นตัวหลักของทีมในตำแหน่งกองหน้า ลงเล่นทุกรายการ 44 นัด ยิงได้ 17 ประตู กับทำได้ 2 แอสซิสต์

ตามมาด้วยฤดูกาล 2021/22 เขาลงเล่น 40 นัด ยิงได้ 10 ประตู และทำได้ 3 แอสซิสต์ ถือว่าความเฉียบคมในการจบสกอร์จะไม่เด่นไม่ดังเหมือนตอนเป็นดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามอง

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2022/23 เขาอยู่กับ เรอัล โซเซียดาด ลงไป 2 นัด ยิงได้ 1 ประตู ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สโมสรในปัจจุบัน โดยลงไปแล้ว 3 นัด ยิงได้ 2 ประตู

ซึ่งไฮไลท์ คือการลงสนามนัดแรกและยิงได้ทันทีในเกมที่เจอกับ ลิเวอร์พูล ทำให้ทีมออกนำไปก่อน และพังประตูที่สองได้แล้ว แต่เสียดายที่ล้ำหน้า และ น่าเสียดายยิ่งกว่าที่ “สาลิกาดง” โดน ลิเวอร์พูล แซงชนะที่ แอนฟิลด์ 1-2

ส่วนผลงานในทีมชาติสวีเดนชุดใหญ่ เขาเป็นตัวหลักของชาติในตอนนี้ ลงสนามไปทั้งหมด 37 นัด ยิงได้ 9 ประตู เท่านั้น แต่อายุเพิ่ง 23 ปี ดังนั้นยังมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเขาอีกมากมาย และ การได้เล่นในพรีเมียร์ลีก จะพิสูจน์ฝีเท้าของเขาได้เป็นอย่างดีว่าเป็นของจริงหรือไม่

แต่จากฟอร์มกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในตอนนี้ ก็ถือว่าโชว์ฟอร์มได้ดี เริ่มต้นได้สวยงาม มีแววจะปังมากกว่าแป็ก แต่ก็ต้องมาตัดเกรดหลังจบฤดูกาลนี้เสียก่อน จึงค่อยสรุปว่า ค่าตัว 70 ล้านยูโร ที่ทีมจ่ายไป จะได้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร